คอมพิวเตอร์ไม่มีเสียง
กรณีแรกนั้นอาจเกิดจากไดรเวอร์การ์ดเสียงหายไป
ทางแก้ไขก็ให้ทำการติดตั้งไดรเวอร์การ์ดเสียงลงทับไปใหม่ ซึ้งมีขั้นตอนดังนี้
1. คลิกขวาที่ไอคอน My
computer แล้วเลือกคำสั้ง properties
2. คลิกไปที่แท็ป Device
Manager
3. คลิกปุ่ม Refresh เพื่อให้วินโดวส์ทำการค้นหาอุปกรณ์ที่ยังไม่ได้ติดตั้งไดรเวอร์
4. รอสักครู่ก็จะปรากฏหน้าต่าง Add
New Hardware wizard ขึ้นมา ซึ่งจะมีตัวเลือก 2 ตัวเลือก คือ
Automatic search . . .
ให้วินโดวส์ทำการค้นหาไดรเวอร์ให้อัตโนมัติ
ซึ่งหากว่ามีไดรเวอร์อยู่ในเครื่อง หรือมีแผ่นไดรเวอร์อยู่ในซีดีรอม
วินโดวน์ก็จะนำมาติดตั้งให้ทันที
Specify the location
ทำการติดตั้งไดรเวอร์ด้วยตัวเอง
ในที่นี้ขอเลือกตัวเลือก Specify the location…
5. คลิกปุ่ม Next เพื่อทำขั้นตอนต่อไป
6. เลือกไปที่ตัวเลือก Search
for the best… เพื่อให้วินโดวส์ค้นหาไดรเวอร์จากไดรว์ซีดีรอมหรือไดรว์
A
7. คลิกเครื่องหมายถูกหน้าตัวเลือก
Removable Media ... เพื่อทำการติดตั้งไดรเวอร์จากแผ่นไดรเวอร์
ซึ่งคุณต้องใส่แผ่นไดรเวอร์ลงไปในซีดีรอมด้วย
8. คลิกปุ่ม Next
9. รอสักครู่วินโดวส์ก็จะทำการค้นหาไดรเวอร์
เมื่อค้นหาพบแล้วก็ให้คลิกปุ่ม Next เพื่อทำขั้นตอนต่อไป
10. คลิกปุ่ม Finish แล้วรอสักครู่
วินโดวส์ก็จะทำการติดตั้งไดรเวอร์ให้ทันทีจากนั้นก็ให้บูตเครื่องใหม่
เมื่อเข้าสู่วินโดวส์อีกครั้ง ก็จะพบกับไอคอนลำโพงปรากฏอยู่บนทาส์กบาร์แล้ว
แต่ถ้าหากว่าปัญหาเกิดจากไอคอนลำโพงได้ถูกกำหนดให้ไม่แสดงขึ้นมา
วิธีแก้ไขก็ต้องเข้าไป กำหนดให้วินโดวส์แสดงไอคอนลำโพงขึ้นมา
ซึ่งมีวิธีการทำดังนี้
1. คลิกปุ่ม Start จากนั้นคลิกเลือกตัวเลือก Settings>Control Panel
2. ดับเบิ้ลคลิกที่ไอคอน Sounds
and Multimedia
3. เลือกที่แท็ป Sounds
4. ในส่วนล่างของแท็บ Sounds
ให้คลิกเลือกที่ตัวเลือก Show Volume…
5. คลิกปุ่ม OK เพียงเท่านี้ลำโพงก็จะปรากฏอยู่บนทาส์กบาร์แล้ว
6 รหัสอันตรายที่ทำให้เครื่องคุณไม่มีเสียง
ข้อผิดพลาด “ MMSystem263. This is not a registered MCI device
- ข้อผิดพลาด “MIDI output
error detected.”
- ข้อผิดพลาด “WAV sound
playback error detected”
- ข้อผิดพลาด “No wave
device that can play files in the current format is installed.”
- ข้อผิดพลาด “ You audio
hardware connot play files like the current file.”
- ข้อผิดพลาด “MMSYSTEM296.
The file cannot be played on the specified MCI device.”
หากว่าใช้งานคอมพิวเตอร์อยู่ดี ๆ
ปรากฏว่าอยู่ ๆ ก็มีข้อความเหล่านี้ขึ้นมาก็ให้ทำใจได้เลยว่า
ตอนนี้กำลังมีปัญหาเกี่ยวกับเสี่ยงวินโดวส์โดยอุปกรณ์ 1 ใน 2 อย่างนี้เป็นตัวก่อปัญหาขึ้นมา
Wave Audio device, CD Audio device ซึ่งแนวทางการแก้ไขปัญหานั้นก็มีดังนี้
ตรวจสอบว่าการ์ดเสียงของคุณเปิดใช้งานหรือยัง
1. คลิกขวาที่ไอคอน My
Computer แล้วเลือกคำสั่ง Properties
2. คลิกไปที่แท็ป Device
Manager
3. คลิกเครื่องหมาย (+)
ที่ตัวเลือก Sound, Video and Game Controllers
4. ดับเบิ้ลคลิกที่การ์ดเสียง
5. แล้วตรวจสอบว่าที่ตัวเลือก Disable
in this hardware profile มีเครื่องหมายถูกอยู่หรือเปล่า
ถ้ามีเครื่องหมายถูกหน้าตัว Disable in this hard ware profile อยู่ก็ให้คลิกเครื่องหมายถูกหน้าตัวเลือกนี้ออก
6. คลิกปุ่ม OK 2 ครั้ง แล้ววินโดวส์จะถามว่าต้องการที่บูตเครื่องใหม่หรือไม่
ก็ให้ทำการบูตเครื่องใหม่ เมื่อบูตเครื่องขึ้นมาก็ลองตรวจดูว่ามีเสียงออกมาหรือยัง
ตรวจสอบว่าการ์ดเสียงได้รับเลือกให้เป็นอุปกรณ์ที่ต้องการแล้วหรือยัง
1. ไปไหนส่วน Control
Panel แล้วดับเบิ้ลคลิกที่ไอคอน Sound and Multimedia เลือกที่แท็บ Audio ในส่วนของ Sound Playback
และ Sound Recording ให้ตรวจสอบว่าเลือกการ์ดเสียงในกล่อง
Preferred device แล้วหรือยัง ถ้ามีการเลือก (None) หรืออุปกรณ์อื่นในกล่อง preferred device ก็ให้เลือกเป็นรุ่นการ์ดเสียงที่ใช้แทน
คลิกปุ่ม OK เพื่อทำการบันทึกค่า
ตรวจสอบว่า
วินโดวส์ได้กำหนดค่าให้ใช้คุณลักษณะเสียงของการ์ดเสียงแล้วหรือยัง
1. เข้าไปในส่วน Multimedia
ที่ Control Panel แล้วคลิกที่แท็บ Devices
คลิกเครื่องหมาย + หน้าตัวเลือก Audio Devices ดับเบิ้ลคลิกที่การ์ดเสียง
จากนั้นตรวจสอบว่าได้คลิกเครื่องหมายถูกหน้าตัวเลือก Use audio features on
this device แล้วหรือยัง
ถ้ายังไม่ได้เลือกก็ให้คลิกเลือกตัวเลือกนี้ เสร็จแล้วให้คลิกปุ่ม OK จนกระทั่งกลับไปยัง Control Panel ให้ปิดหน้าต่าง Control
Panel แล้วทำการบู๊ตเครื่องใหม่
ตรวจสอบว่าคุณติดตั้งอุปกรณ์ Wave Audio แล้วหรือยัง
1. ให้เข้าไปที่ส่วน Multimedia
ใน Control Panel แล้วคลิกที่แท็บ Devices
คลิกเครื่องหมาย + หน้าตัวเลือก Media Control Devices ดูให้แน่ใจว่าได้ติดตั้ง Wave Audio Device (Media Control) หรือยังถ้าหากว่ามีการติตตั้งแล้วก็ให้ดับเบิ้ลคลิกที่ Wave Audio
Device (Media Control) ดูให้แน่ใจว่าได้เลือกตัวเลือก Use
this Media Control device แล้วถ้ายังก็ให้คลิกเลือก คลิกปุ่ม OK
แต่ถ้ายังไม่ได้ติดตั้ง Wave Audio Device (Media Control) ก็ให้กลับไปหน้า
Control Panel ก่อนแล้วให้ดับเบิ้ลคลิกที่ไอคอน Add
New Hardware คลิกปุ่ม Next ไปเรื่อย ๆ
วินโดวส์ ก็จะถามว่าต้องการที่จะให้วินโดวส์ ทำการหาอุปกรณ์ให้โดยอัตโนมัติหรือไม่
ให้เลือกตัวเลือก No. I want to select….. คลิกปุ่ม Next
เพื่อทำขั้นตอนต่อไป
ภายใต้ส่วนของ Hardware types ให้คลิกเลือกตัวเลือก Sound,
Video and Game Controllers คลิกปุ่ม Next เพื่อทำขั้นตอนต่อไป
ในส่วนของ Manufacturers ให้เลือกตัวเลือก Microsoft
MCI แล้วให้คลิกเลือกตัวเลือก Wave Audio Device (Media
Control) ในส่วนของ Models คลิกปุ่ม Next
ต่อมาคลิกปุ่ม Finish
ถ้าได้รับแจ้งให้ใส่ซีดีรอมติดตั้งโปรแกรมวินโดวส์
ก็ให้ใส่แผ่นติดตั้งลงไป แล้วคลิกปุ่ม OK
เลือกไปที่โฟลเดอร์วินโดวส์ที่อยู่ในแผ่นซีดีรอม จากนั้นก็คลิกปุ่ม OK
สุดท้ายวินโดวส์ก็จะทำการติดตั้งไฟล์ เมื่อติดตั้งเสร็จวินโดวส์จะให้ทำการบู๊ตเครื่องใหม่
ก็ให้คลิกปุ่ม Yes ได้ทันที
เมื่อเข้าวินโดวส์อีกครั้งก็ให้ลองตรวจสอบดูว่า ปัญหาแก้ไขได้แล้วหรือยัง
ตรวจสอบว่าคุณติดตั้งอุปกรณ์เสียงซีดีแล้วหรือยัง
1. ขั้นแรกให้เข้าไปในส่วน Multimedia
ของ Control Panel แล้วคลิกแท็บ Devices
คลิกเครื่องหมาย + หน้าตัวเลือก Media Control Devices
ดูให้แน่ใจว่าการแสดง CD Audio Device (Media Control) ในรายการแล้วหรือยัง
ถ้ามีการแสดงอุปกรณ์นี้ในรายการแล้ว ให้ดับเบิ้ลคลิกที่ตัวเลือก CD Audio
Device (Media Control) ดูให้แน่ใจว่าได้เลือก Use this
Media Control dอvice แล้วหรือยัง
ถ้ายังก็ให้คลิกเลือกตัวเลือก Use this Media Control device จากนั้นคลิกปุ่ม
OK จนกระทั่งกลับเข้าสู่ส่วนของ Control Panel อีกครั้ง ก็ให้คุณลองทดสอบดูว่าปัญหาได้รับการแก้ไขแล้วหรือยัง
ในกรณีที่ไม่มีการแสดงอุปกรณ์ CD Audio Device (Media Control) นี้ในรายการ
ก็ให้ติดตั้งอุปกรณ์นี้ ในส่วนของ Models ก็ให้เลือกตัวเลือก
CD Audio Device (Media Control) แทนเท่านั้นเองครับ
วิธีแก้ไขภาพกระตุกเมื่อชมภาพยนตร์
ในการชมภาพยนตร์นั้นหากว่าอัตราการรีเฟรซภาพ
(การกะพริบของหน้าจอ) ไม่เร็วภาพที่ออกมาก็จะมีอาการกระตุก ๆ
แต่อาการกระตุกก็อาจเกิดจากเครื่องเล่นซีดีเก่าเกินไปหรือแผ่นที่ดูนั้นอาจไม่ดีก็ได้
ซึ่งหากว่ามีการรีเฟรซแล้วอาการกระตุกยังไม่หาย
ก็ให้ตรวจสอบจากจุดนี้ด้วยโดยขั้นตอนการปรับอัตราการรีเฟรซของภาพให้เร็วขึ้นก็สามารถทำได้ดังนี้
1. คลิกขวาบนพื้นที่ว่าง ๆ
ของเดสก์ทอป แล้วเลือกไปที่คำสั่ง Properties
2. คลิกไปที่แท็ป Settings
3. เลือกสีในส่วนของ Color
เป็น 256 Color
4. เลือกความละเอียดในส่วนของ Screen
ไปที่ 640 by 480 pixels
5. คลิกปุ่ม Ok เพื่อทำการบันทึกค่า เพียงเท่านี้ก็จะทำให้อัตราการรีเฟรซของภาพเร็วขึ้นแล้วครับ